medicalfocusth

สปสช. ห่วงคนไทยเสี่ยง มะเร็งปากมดลูก -พยาธิใบไม้ตับ - เอชไอวี/เอดส์ ชวนใช้ชุดเก็บสิ่งส่งตรวจ/ชุดตรวจคัดกรองด้วยตัวเอง สะดวก ไม่เสียค่าใช้จ่าย
สปสช. ห่วงคนไทยเสี่ยง มะเร็งปากมดลูก -พยาธิใบไม้ตับ - เอชไอวี/เอดส์ ชวนใช้ชุดเก็บสิ่งส่งตรวจ/ชุดตรวจคัดกรองด้วยตัวเอง สะดวก ไม่เสียค่าใช้จ่าย
สปสช. ห่วงคนไทยเสี่ยง มะเร็งปากมดลูก -พยาธิใบไม้ตับ - เอชไอวี/เอดส์ ชวนใช้ชุดเก็บสิ่งส่งตรวจ/ชุดตรวจคัดกรองด้วยตัวเอง ไม่เสียค่าใช้จ่าย พร้อมเพิ่มความสะดวก เข้ารับบริการได้ที่หน่วยบริการนวัตกรรมในระบบบัตรทอง หรือใช้สิทธิขอรับผ่านแอปเป๋าตัง เลือกรายการ “กระเป๋าสุขภาพ”

นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า การเข้าถึงบริการสุขภาพ เป็นหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) นอกจากบริการที่ครอบคลุมและทั่วถึงแล้ว ต้องเพิ่มความสะดวกในการเข้ารับบริการให้กับประชาชน โดยเฉพาะบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ในส่วนของบริการตรวจคัดกรองโรคเพื่อค้นหาความเสี่ยงก่อนที่โรคจะลุกลาม ดังนั้นที่ผ่าน สปสช. ได้มีชุดสิทธิประโยชน์ที่อำนวยความสะดวกในการเข้ารับบริการตรวจคัดกรองโรคให้กับประชาชนไทยทุกสิทธิ 3 รายการ


เริ่มจาก “ชุดเก็บตัวอย่างสิ่งส่งตรวจมะเร็งปากมดลูกด้วยตนเอง” (HPV self-sampling) จากปี 2563 ที่บอร์ด สปสช. มีมติขยาย “บริการตรวจด้วยวิธี เอชพีวี ดีเอ็นเอ” (HPV DNA Test) ที่มีความแม่นยำสูง ตามข้อแนะนำ (Guideline) การคัดกรองมะเร็งปากมดลูกฉบับปรับปรุงเดือนกันยายน 2561 ของราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย เพื่อเพิ่มประสิทธิผลของบริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ต่อมาในปี 2566 บอร์ด สปสช. ได้เพิ่มเติมสิทธิประโยชน์ชุดเก็บตัวอย่างสิ่งส่งตรวจมะเร็งปากมดลูกด้วยตนเอง เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้หญิงไทยที่มีความรู้สึกเขินอายในการเข้ารับบริการตรวจคัดกรองฯ มะเร็งปากมดลูกที่หน่วยบริการได้เข้าถึงบริการ

นอกจากนี้ เพื่อให้ผู้หญิงไทยเข้าถึงบริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเพิ่มมากขึ้น สปสช. ได้ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข ภาคีเครือข่ายหน่วยบริการทั้งภาครัฐและเอกชน ให้บริการชุดเก็บสิ่งส่งตรวจทั่วประเทศมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงที่หน่วยบริการนวัตกรรม ทั้งที่ร้านยาที่มีตราสัญลักษณ์ “ร้านยาของฉันให้บริการสร้างเสริมสุขภาพ” และคลินิกเวชกรรม และคลินิกเทคนิคการแพทย์ โดยรับบริการได้ 1 ครั้ง ทุก ๆ 5 ปี โดย เป็นสิทธิประโยชน์สำหรับผู้หญิงไทยอายุ 30–59 ปีทุกคน และหญิงไทย อายุ 15 – 29 ปี กรณีที่มีความเสี่ยงสูง ทั้งนี้ปีงบประมาณ 2568 มีประชาชนใช้สิทธิรับบริการตรวจคัดกรอง มะเร็งปากมดลูกแล้ว จำนวนทั้งสิ้น 1,292,028 คน เป็นผู้ได้รับบริการโดยใช้การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ด้วยวิธี HPV DNA Test จำนวน 1,130,517 คน และตรวจคัดกรองฯ ด้วยวิธีแปปสเมียร์ (Pap Smear) จำนวน 165,876 คน นอกจากนี้เป็นผู้ได้รับการตรวจด้วยวิธี visual inspection with acetic acid (VIA) จำนวน 25,589 คน

นพ.จเด็จ กล่าวต่อว่า ต่อมาเป็น “ชุดตรวจปัสสาวะคัดกรองพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดีด้วยตนเอง” (OV-RDT) เป็นนวัตกรรมทางการแพทย์ที่คิดค้นโดยสถาบันมะเร็งท่อน้ำดี มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยบอร์ด สปสช. อนุมัติเป็นสิทธิประโยชน์เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 67 เพื่อให้ประชาชนได้รับการตรวจคัดกรองและรักษาตั้งแต่แรกเริ่ม เพียงนำตัวอย่างปัสสาวะหยดลงบนชุดตรวจ รอผล 5–10 นาที ผลจะบ่งบอกได้ว่าในร่างกายมีพยาธิใบไม้ตับอยู่หรือไม่ หากขึ้น 2 ขีด แสดงว่ามีเชื้อพยาธิใบไม้ตับ ต้องทานยาถ่ายเพื่อกำจัดออกจากร่างกาย แต่หากมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ตัวเหลือง เจ็บท้อง น้ำหนักลด จำเป็นต้องตรวจซ้ำเพื่อยืนยันว่าเป็นมะเร็งท่อน้ำดีหรือไม่ และเข้าสู่การรักษาต่อไป

ทั้งนี้ ประชาชนไทยทุกสิทธิการรักษา มีอายุ 15 ปีขึ้นไป และมีประวัติเสี่ยง ดังนี้ มีประวัติการติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับ หรือเคยกินยาถ่ายพยาธิใบไม้ตับ หรือมีประวัติกินปลาน้ำจืดสุก ๆ ดิบ ๆ โดยเจ้าหน้าที่ จะประเมินความเสี่ยง และใช้สิทธิรับบริการได้ปีละ 1 ครั้ง ที่หน่วยบริการนวัตกรรม ทั้งที่ร้านยาที่มีตราสัญลักษณ์ “ร้านยาของฉันให้บริการสร้างเสริมสุขภาพ” คลินิกพยาบาลชุมชนอบอุ่น คลินิกเวชกรรมชุมชนอบอุ่น และคลินิกเทคนิคการแพทย์ ศักยภาพ Lab Anywhere ทั้งนี้ปีงบประมาณ 2568 มีประชาชนรับชุดตรวจปัสสาวะคัดกรองพยาธิใบไม้ตับฯ แล้วจำนวน 126,304 คน โดยในจำนวนนี้มีผลตรวจพบความเสี่ยงจำนวน 44,635 คน

นอกจากนี้ยังมี “ชุดตรวจคัดกรองเอชไอวีด้วยตนเอง” (HIV Self-Screening Test) โดยบอร์ด สปสช. ได้เห็นชอบบรรจุเป็นสิทธิประโยชน์บัตรทองเมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2566 เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อน “ยุทธศาสตร์แห่งชาติว่าด้วยการยุติปัญหาเอดส์ ปี พ.ศ. 2560–2573” ให้บรรลุเป้าหมาย โดยเพิ่มความสะดวกในการรับบริการตรวจคัดกรองให้กับคนไทยทุกคนทุกสิทธิที่มีความเสี่ยง นอกจากเป็นการดูแลเพื่อเข้าสู่ระบบการรักษาตั้งแต่ในระยะเริ่มต้นแล้ว ยังนำไปสู่การป้องกันการรับเชื้อเอชไอวี และการแพร่กระจายเชื้อเอชไอวีไปยังผู้อื่นด้วย ซึ่งในระบบบัตรทองยังมีสิทธิประโยชน์ป้องกันเอชไอวี ทั้งบริการ ถุงยางอนามัย และบริการยาป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีทั้งก่อนหรือหลังการสัมผัสเชื้อเอชไอวี (PrEP & PEP : Pre and Post-Exposure prophylaxis) ด้วย

สำหรับการตรวจคัดกรองเอชไอวีด้วยตนเอง มี 2 ชนิด คือ การเก็บตัวอย่างเลือดด้วยการเจาะปลายนิ้ว หรือการเก็บตัวอย่างสารน้ำในช่องปาก นำมาทดสอบบนชุดตรวจและอ่านผลได้ที่ 15-20 นาที ในการอ่านผลหากชุดตรวจแสดงผล 2 ขีด ที่ตัวอักษร C และที่ตัวอักษร T หมายความว่ามีการติดเชื้อเอชไอวี ควรไปสถานพยาบาลหรือโรงพยาบาลเพื่อตรวจยืนยันผลและเข้าสู่กระบวนการรักษาทันที แต่หาก ไม่พบการติดเชื้อสามารถตรวจซ้ำได้ที่ 90 วันเป็นต้นไป พร้อมเข้ารับบริการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีด้านอื่นๆด้วย ประชาชนที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี สามารถขอรับชุดตรวจคัดกรองเอชไอวีด้วยตนเอง ได้ที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน หรือหน่วยบริการนวัตกรรม ทั้งที่ร้านยาที่มีตราสัญลักษณ์ “ร้านยาของฉันให้บริการสร้างเสริมสุขภาพ” และคลินิกเวชกรรม ทั้งนี้ ปีงบประมาณ 2568 มีประชาชนเข้ารับชุดตรวจคัดกรองเอชไอวีด้วยตนเองแล้วจำนวน 1,069,111 คน

“บริการทั้ง 3 รายการข้างต้นนี้ เป็นสิทธิประโยชน์บัตรทองเพื่อเพิ่มทางเลือกและอำนวยความสะดวกในการเข้ารับบริการ ดังนั้น สปสช. ขอเชิญชวนประชาชนทุกคนทุกสิทธิเข้ารับบริการ นอกจากที่หน่วยบริการแล้ว ยังสามารถรับบริการผ่านแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" ในเมนูสุขภาพได้ ซึ่งจะปรากฏรายการบริการที่ท่านมีสิทธิเข้ารับบริการ จากนั้นให้เลือกหน่วยบริการที่ท่านสะดวก และไปรับชุดตรวจคัดกรองโรค ที่หน่วยบริการที่ท่านเลือกไว้ได้ โดยมีขั้นตอนที่ง่าย ไม่ยุ่งยาก ทั้งสะดวกและทราบผลรวดเร็ว” เลขาธิการ สปสช. กล่าว