medicalfocusth
“สถาบันพระบรมราชชนก–มหิดล” จับมือปั้นเภสัชกรคืนถิ่น เสริมกำลังดูแลสุขภาพชุมชน
×
สถาบันพระบรมราชชนก ลงนาม MOU กับคณะเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล เพื่อจัดตั้งคณะเภสัชศาสตร์แห่งใหม่ ภายใต้การดูแลของสถาบันพระบรมราชชนก โดยมีเภสัชมหิดลเป็นสถาบันพี่เลี้ยง ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนการผลิตเภสัชกรลงพื้นที่ชนบท มุ่งยกระดับบริการปฐมภูมิ เพิ่มการเข้าถึงยา ลดปัญหาซื้อยากินเอง พร้อมต่อยอดความรู้ด้านการผลิตยาและสมุนไพร เพื่อพัฒนาสาธารณสุขไทยอย่างยั่งยืน
เมื่อวันที่ 8 ก.ย. 2568 ณ ห้องประชุม 4703 สถาบันพระบรมราชชนก สำนักงานปลัดกระทระทรวงสารณสุข กระทรวงสาธาธารณสุข สถาบันพระบรมราชชนก กับ มหาวิทยาลัยมหิดล (คณะเภสัชศาสตร์) บันทึกข้อตกลงความร่วมมือการเป็นสถาบันพี่เลี้ยงคณะเภสัชศาสตร์ โดยมี ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.นพ.วิชัย เทียนถาวร อธิการบดีสถาบันพระบรมราชชนก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศุกร์ใจ เจริญสุข รองอธิการบดีสถาบันพระบรมราชชนก ศาสตราจารย์ นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล เข้าร่วมด้วย
ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.นพ.วิชัย เทียนถาวร อธิการบดีสถาบันพระบรมราชชนก กล่าวว่า “โครงการจัดตั้งคณะเภสัชศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก” มุ่งที่จะสร้างคณะเภสัชศาสตร์แห่งใหม่ของรัฐ เพื่อผลิตเภสัชกรเข้าสู่ระบบการบริการสุขภาพแบบปฐมภูมิ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในบุคลากรทางการแพทย์ที่สำคัญและเป็นส่วนหนึ่งของ “โครงการผลิตแพทย์และทีมนวัตกรรมสุขภาพเพื่อเวชศาสตร์ครอบครัวตอบสนองต่อระบบสุขภาพปฐมภูมิทั่วไทย หรือเรียกสั้นๆ ว่า โครงการ 9 หมอ” ความสำคัญในการร่วมมือครั้งนี้เนื่องจากหลายชนบทมีปัญหาการเข้าถึงยาและการใช้ยา ผู้ป่วยอาจไม่มีความรู้เรื่องการบริโภคยาและไม่รู้ในเรื่องของผลข้างเคียง ฉะนั้นการที่มีเภสัชกรอยู่ในชุมชนทำให้ประชาชนเข้าถึงการบริการของเภสัชกรที่มีมาตรฐานและมีศักยภาพ การผลิตเภสัชกรที่มีความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติงานในระบบสุขภาพปฐมภูมิเช่นที่ รพ.สต. สถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติฯ จะทำให้ผู้ป่วยได้รับบริการที่ดีขึ้น มีการจ่ายยาที่เป็นระบบมากขึ้น และประชาชนจะได้รับยาที่จำเป็น และเมื่อเภสัชกรในโครงการ 9 หมอจบการศึกษาไปทำงานในพื้นที่ ร่วมกับบุคลากรทางการแพทย์ในโครงการอีก 8 วิชาชีพ จะทำให้เกิดการยกระดับระบบสุขภาพปฐมภูมิทั้งระบบ ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.นพ.วิชัย กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในการร่วมมือครั้งนี้สิ่งสำคัญต้องการปลูกฝังความคิด ทัศนคติ ให้มีความรักบ้านเกิด เมื่อตนเองดูแลครอบครัวหรือชุมชนได้ดีแล้ว บุคลากรเหล่านี้ก็ต้องมีความก้าวหน้าด้วย ซึ่งถ้าหากสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายนี้ จะทำให้ระบบสาธารณสุขมีคุณภาพไม่ใช่เฉพาะบริการอย่างเดียว
ด้าน ศาสตราจารย์ นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ทางมหาวิทยาลัยมหิดลมีความยินดีที่ได้รับ เกียรติจากสถาบันพระบรมราชชนก ในการทำหน้าที่เป็นสถาบันพี่เลี้ยงให้กับ “โครงการจัดตั้งคณะเภสัชศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก” เพื่อยกระดับระบบสุขภาพแบบปฐมภูมิ โดยปัจจุบันเภสัชกรยังขาดแคลนอยู่จำนวนมาก นอกจากนี้บทบาทของเภสัชกรในปัจจุบันได้ขยายตัวมากขึ้นและมีส่วนสำคัญในการเข้ามาช่วยดูแลรักษาอาการเจ็บป่วยเบื้องต้นให้กับประชาชน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก สปสช. ให้หน่วยงานสามารถเบิกจ่ายผ่านระบบประกันสุขภาพได้ ทำให้เภสัชกรมีบทบาทเพิ่มมากขึ้น และสามารถช่วยแบ่งเบาภาระงานของโรงพยาบาลที่มีภาระงานหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้เมื่อได้เห็นโครงการต่างๆ จากสถาบันพระบรมราชชนกที่ได้มีการผลิตบุคลากรนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการ 9 หมอ ซึ่งคิดว่าตอบโจทย์ให้กับระบบสาธารณสุขเช่น การผลิตพยาบาลที่สถาบันพระบรมราชชนกช่วยผลิตได้ปีละ 4,200 คน ถือเป็นจำนวนที่มากที่สุดในประเทศ
ศาสตราจารย์ นพ.ปิยะมิตร กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ปัญหาใหญ่ของประเทศนอกเหนือจากการผลิตบุคลากรให้เพียงพอนั้น ยังเป็นเรื่องการทำอย่างไรให้คนอยู่ในระบบ ซึ่งเป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุด เพราะฉะนั้นแนวทางของสถาบันพระบรมราชชนก ที่รับคนในท้องถิ่นมาเรียนในหลักสูตรต่างๆ เชื่อมั่นว่าจะเป็นหนึ่งในวิธีการแก้ปัญหาดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และคนที่เรียนนั้นมาจากท้องถิ่นมีโอกาสกลับไปอยู่ที่เดิมสูงกว่าคนกทม. ซึ่งสิ่งนี้อาจจะเป็นตัวตอบโจทย์ในการแก้ปัญหาสาธารณสุขได้ ทางมหาวิทยาลัยมหิดลมีความมั่นใจว่า คณะเภสัชฯ ม.มหิดลเป็นสถาบันชั้นนำของไทยและมีประสบการณ์ในการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรเภสัชศาสตร์มาอย่างยาวนาน เชื่อว่า ประสบการณ์ของคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จะสามารถถ่ายทอดความรู้ ให้คำแนะนำ และช่วยให้การจัดตั้งคณะเภสัชศาสตร์ ของสถาบันพระบรมราชชนก ประสบความสำเร็จและสามารถผลิตบัณฑิตเภสัชกรที่คุณภาพตามมาตรฐานสภาเภสัชกรรมไทยได้อย่างเต็มภาคภูมิ ศ.นพ.ปิยะมิตร กล่าว ท้ายที่สุดขอให้ความร่วมมือครั้งนี้ประสบความสำเร็จตามที่วางไว้ เพื่อจะนำไปสู่การมีชีวิตของสังคมที่ดี เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและมีความก้าวหน้าต่อไป