กรมการแพทย์ขับเคลื่อนนโยบายคนไทยห่างไกลโรค NCDs Heart, DM, HT เป็นวาระแห่งชาติ Rajavithi Model :Cardio-Renal-Metabolic Center พร้อมขานรับจัดทำโครงการนำร่อง “มินิคลินิกเทเลเมดิซีน”
กรมการแพทย์ขับเคลื่อนนโยบายคนไทยห่างไกลโรค NCDs Heart, DM, HT เป็นวาระแห่งชาติ Rajavithi Model :Cardio-Renal-Metabolic Center พร้อมขานรับจัดทำโครงการนำร่อง “มินิคลินิกเทเลเมดิซีน”
นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ปัจจุบันกลุ่มโรคไม่ติดต่อ หรือ โรค NCDs (Noncommunicable Diseases) เป็นปัญหาสุขภาพอันดับ 1 ของโลก และประเทศไทย โดยเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตมากกว่า 70% ของการเสียชีวิตทั้งหมด ซึ่งส่งผลต่อการพัฒนาประเทศอย่างมาก เนื่องจากเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตของคนไทยที่ก่อให้เกิดภาระโรคจากการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ภาวะเจ็บป่วยและทุพพลภาพที่ทำให้ผลิตภาพการทำงานลดลงหรือสูญเสียไป ส่งผลให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล อัตราการเสียชีวิตจาก NCDs 4 โรคหลัก ได้แก่ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน และโรคทางเดินหายใจ เรื้อรัง ปีละกว่า 400,000 ราย หรือวันละมากกว่า 1,000 ราย คิดเป็นร้อยละ 81 ของสาเหตุการเสียชีวิตทั้งหมดในประเทศ โดยมีการประมาณมูลค่าความสูญเสียเศรษฐกิจไทย ในปี พ.ศ. 2567 สูงถึง 1.6 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น ร้อยละ 9.7 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) โดยร้อยละ 91 ของความสูญเสียทางเศรษฐกิจ (คิดเป็นมูลค่า 1,495 พันล้านบาท) กระทรวงสาธารณสุขโดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน จึงมีนโยบายสำคัญในการลดโรค NCDs กรมการแพทย์ โดย ศูนย์ความเป็นเลิศเฉพาะทาง ด้านหัวใจและหลอดเลือด และศูนย์ความเป็นเลิศเฉพาะทาง ด้านโรค NCDs โรงพยาบาลราชวิถี จัดงานประชุมวิชาการขับเคลื่อนนโยบายคนไทยห่างไกลโรค NCDs Heart, DM, HT เป็นวาระแห่งชาติ (Rajavithi Model : Cardio-Renal-Metabolic Center) เพื่อให้เกิดเครือข่ายความร่วมมือ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และเกิดการเรียนรู้ร่วมกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อดูแลผู้ป่วยโรคกลุ่ม NCDs ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี มุ่งสู่เป้าหมายลดโรค NCDs

กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมการแพทย์ จึงเร่งขับเคลื่อนโครงการนำร่อง “มินิคลินิกเทเลเมดิซีน” ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อยกระดับการเข้าถึงบริการสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางและผู้ที่เข้าไม่ถึงระบบบริการตามปกติ ผ่านจุดบริการในชุมชน ที่เชื่อมต่อกับแพทย์จากโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาล ด้วยเทคโนโลยีทางไกล (Telemedicine) เพื่อเป็นการเพิ่มการเข้าถึงบริการสุขภาพปฐมภูมิ โดยให้คำปรึกษา บริการตรวจโรคและการรักษาเบื้องต้น ติดตามอาการ 42 กลุ่มโรคและอื่นๆ รวมทั้งโรค NCDs และการรับยาทางไปรษณีย์ ซึ่งการดำเนินงานเน้นการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย อาทิ อุปกรณ์ตรวจสุขภาพอัตโนมัติ ระบบวิดีโอคอล การยืนยันตัวตนด้วยข้อมูลชีวมิติ และระบบจัดการที่โปร่งใส สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้คลินิกเอกชนและร้านขายยาร่วมให้บริการในระบบภาครัฐ ภายใต้ค่าตอบแทนที่เหมาะสม

ทั้งนี้ กรมการแพทย์ตั้งเป้าเพิ่มอัตราการเข้ารับบริการของประชาชนในกรุงเทพฯ จาก 2.2 ครั้ง เป็น 3.33 ครั้งต่อคนต่อปี และเพิ่มบริการในระบบสิทธิบัตรทองอีกกว่า 4 ล้านครั้ง ตอบสนองนโยบาย “50 เขต 50 โรงพยาบาล” ให้เป็นรูปธรรม โปร่งใส และตรวจสอบได้ โดยประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ คือ เข้าถึงบริการสุขภาพใกล้บ้าน สะดวก รวดเร็ว โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางและประชากรแฝง ได้รับการตรวจโรคเบื้องต้น ติดตามอาการโรคเรื้อรัง และปรึกษาแพทย์ โดยไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาล ลดความแออัดของผู้ป่วยในโรงพยาบาล และแบ่งเบาภาระบุคลากรทางการแพทย์ โครงการ “มินิคลินิกเทเลเมดิซีน” จึงเป็นกลไกสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบบริการสุขภาพในเขตเมือง และยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนอย่างแท้จริง

นายแพทย์จินดา โรจนเมธินทร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดประชุมวิชาการในครั้งนี้ โรงพยาบาลราชวิถีได้นำเอาต้นแบบที่ประสบความสำเร็จในระดับประเทศมาแลกเปลี่ยนถ่ายทอดองค์ความรู้ เพื่อเป็นแนวทางการดูแลผู้ป่วย NCD อทิเช่น การให้บริการ DMS-Telemedicine E-learning แนวทางการดูแลเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ในพระสงฆ์ ตำราการพัฒนาการส่งต่อและเครือข่าย NCD การตั้งคลินิกเบาหวานระยะสงบ (DM remission clinic) พร้อมทั้งนำเอา Model ที่ประสบความสำเร็จระดับประเทศศมาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ เช่น เบาหวานหายได้ที่สุราษฎร์ โรงเรียนเบาหวานภูวดลโมเดล จากพิษณุโลก และ Rajavithi Models: Cardio-Renal-Metabolic Center หรือคลินิก เบาใจ ตับไต ไร้พุง ที่เป็นศูนย์การรักษา โรคเบาหวานหัวใจ ไต และโรคอ้วน ของโรงพยาบาลราชวิถีแบบครบวงจร พร้อมทั้งวิทยากรที่มีความรู้หลายสาขา เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์ที่เข้าร่วมประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ณ ที่แห่งนี้มากกว่า 500 สถานพยาบาลทั่วประเทศ มากกว่า 800 คน ใน 13 เขตสุขภาพ นำไปบูรณาการร่วมกันได้อย่างแท้จริง เพื่อลดอัตราการเกิดโรค NCDs รายใหม่ลดลง เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายลดโรค NCDs ลดการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรของประชาชน ลงร้อยละ 25 ตามแผนปฏิบัติการของประเทศไทย ภายในปี พ.ศ. 2570